นายจรญ เสมสันต์ กล่าวว่า พื้นที่จุดเสี่ยงจำนวน 3 จุด ประกอบด้วยโค้งบ้านพรุกก ต.กะไหล ขาเข้าเมืองพังงา โค้งบ้านควน ต.กะไหล ขาออกจากตัวเมืองพังงาและโค้งกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง ต.ตากแดด ขาเข้าเมืองพังงา ซึ่งที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งซึ่งได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก จึงนำไปสู่การร่วมหารือของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดพังงา ซึ่งได้เห็นควรให้หามาตรการชะลอความเร็วของรถลงให้ได้และคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงหรือจุดอันตรายในเส้นทางต่างๆโดยสามารถทำสันชะลอความเร็วได้ สำหรับข้อร้องเรียนต่างๆของผู้ใช้รถใช้ถนนนั้น ทางแขวงทางหลวงพังงา จะดำเนินทางแก้ไขเพิ่มเติมโดยจะดำเนินการปรับความลาดชันของสันชะลอความความเร็วตัวแรกเพื่อลดการกระแทกของรถลง พร้อมปรับเปลี่ยนหมุดสะท้อนแสงจะติดตั้งเหลือเพียงสามแถวในกึ่งกลางถนนและด้านข้างทั้งสองด้าน เชื่อว่าหากผู้ใช้รถใช้ถนนได้ขับขี่รถตามกฏจราจรคาดว่าอุบัติเหตุจะลดลงอย่างแน่นอน ในส่วนของโค้งบ้านควนกะไหลนั้นในช่วงปี 2554 ได้เกิดเหตุการณ์รถแหกโค้งเข้าชนกับบ้านเรือนของชาวบ้านหลายครั้ง ทำให้ชาวบ้านรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงได้รวมตัวกันปิดถนนและให้ปิดช่องทางเดินรถด้านซ้ายตลอดความยาว 400 เมตร ต่อจากนี้เมื่ออุบัติเหตุลดลงและชาวบ้านในพื้นที่เกิดความเชื่อมั่นในความปลอดภัยก็จะขอคืนพื้นผิวจราจรให้ผู้ใช้รถใช้ถนนต่อไปและเส้นทางสายนี้มีข้อจำกัดในเรื่องของเขตทาง ซึ่งจะมีปัญหาในการขยายถนนและการปรับเปลี่ยนเส้นทางถนนเพราะจะมีปัญหาในเรื่องของการเวนคืนที่ดินในเกือบทุกจุด
นายธนขวัญ ปิ่นทอง กล่าวต่อว่า สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา เห็นด้วยกับมาตรการในการลดการเกิดอุบัติเหตุในจุดเสี่ยงของสำนักงานแขวงทางหลวงพังงา เพราะขณะนี้จังหวัดพังงามีสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนโดยเฉพาะจุดเสี่ยงในปี 2557 ประมาณ 60ราย ปี 2558 ลดลงเหลือ 50 ราย และได้ตั้งเป้าหมายลดลงให้เหลือ 10 รายต่อประชากร 1 แสนคน หรือลดลงให้เหลือปีละ 26 รายในปี 2564 อยากจะฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนว่ามาตรการการชะลอความเร็วเพื่อลดอุบัติเหตุ อาจจะรู้สึกไม่คุ้นเคยของพี่น้องประชาชน ก็ขอให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ส่วนการทดลองตรวจจับความเร็วในจุดเสี่ยงวันนี้พบว่าส่วนใหญ่ใช้ความเร็วมากกว่าป้ายเตือนชะลอความเร็ว
ด้านนายสมศักดิ์ แก้วจินดา เจ้าหน้าที่สื่อสารศูนย์นเรนทรพังงา เปิดเผยว่า ตนเองได้ร่วมกับกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนนที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการชะลอความเร็วในพื้นที่จุดเสี่ยงของแขวงทางหลวงพังงาในครั้งนี้ เพราะมองว่าจะเป็นการเพิ่มอุบัติเหตุให้มากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับเรียกร้องให้แขวงทางหลวงพังงาถอนการติดตั้งสันชะลอความเร็วและหมุดสะท้อนแสงออกไปโดยเร็ว และให้แก้ไขโดยการเพิ่มแสงสว่างในจุดเสี่ยง พร้อมกับตีเส้นจราจรใช้ชัดเจน และให้ปรับปรุงผิวจราจรใหม่ในจุดเสี่ยงทั้งหมด
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น